คิดนอกกรอบ "ทำไมผู้มุ่งหวังปฏิเสธคุณ"
ถ้าคุณไม่อยากอ่านจดหมายฉบับนี้ทั้งหมด ก็ไม่เป็นไร หรือ อ่านเเล้วจะปริ้นออกมา เเปะไว้เตือนใจบ้างก็คงดี....ถ้าคุณอยากเป็น ดาวจรัสแสง แห่งฟากฟ้า การตลาด ธุรกิจเครือข่าย
ผมอยากจะถามคุณว่า ตอนนี้คุณเบื่อหรือเซ็งอะไรบ้างไหม? และสิ่งนั้นคุณอยากจะลองเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติหรือไม่ เช่น เบื่อการขับรถในเส้นทางเดิม ๆ
คุณก็ควรลองหาเส้นทางใหม่ ๆ ดูบ้าง ถ้าคุณทำงานประจำอยู่ คุณได้คิดหาลู่ทางอื่นให้กับตัวเองบ้างหรือยัง? ถ้าตอนนี้คุณเป็นนักธุรกิจอิสระ คุณได้ลองเปลี่ยน วิธีการเดิมๆที่คุณทำอยู่บ้างแล้วหรือไม่?
เนื่องจากว่าในยุคสมัยนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น คู่แข่งมากขึ้น และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
.
การคิดนอกกรอบ หรือ Think Outside the Box จึงมีความสำคัญและความจำเป็นมาก... คนที่ คิดนอกกรอบ มักจะเป็นคนที่สร้างแนวทางใหม่ ๆ หรือวิธีการใหม่ ๆและฉลาดในการแก้ปัญหา และโดยมากจะประสบความสำเร็จ >>>>
แต่มีหลายคนที่ไม่ชอบการคิดนอกกรอบ ชอบการคิดในกรอบ ยึดติดกับรูปแบบหรือสิ่งเดิม ๆ เหตุเนื่องจาก ความกลัว แน่นอนว่าความกลัวที่จะคิดนอกกรอบนี้เอง จะเป็นสิ่งปิดกั้นโอกาสหลายๆ อย่างของตัวคุณและนอกจากนี้การคิดนอกกรอบจะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมีอะไรแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจ ไม่เบื่อหน่ายหรือเซ็งกับวิถีการดำเนินชีวิตแบบเดิม ๆ ความจริงนั้นการคิดนอกกรอบนั้นไม่ยากเลย
สำคัญอยู่ที่ " ใจ " ว่าคุณมีความตั้งใจมากน้อยอย่างไร? ถ้าคุณมีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการคิดนอกกรอบจะนำคุณไปสู่การปฏิบัติที่นอกกรอบด้วยเช่นเดียวกัน เราต่างรู้กันดี ว่า ในการทำธุรกิจนั้น ทักษะการขาย รูปแบบการทำธุรกิจนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จของธุรกิจในทุกๆรูปแบบ
โดยเฉพาะ ธุรกิจแบบเครือข่ายเพราะธุรกิจเครือข่ายนี้ มี สินค้านั้นมีอยู่สองชนิด คือ สินค้าอุปโภคบริโภค และ โอกาสทางธุรกิจ แล้วเมื่อคุณก้าวเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจแล้ว คุณเคยได้ลองถามตัวคุณเองบ้างไหมว่า.... คุณได้ถูกคนอื่นมองว่าเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือหรือไม่? ถ้าใช่..... เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก แต่ ในความเป็นจริง เรามักไม่ได้ถูกมองอย่างนั้น เกือบทุกครั้งที่เราเอ่ยถึงโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย, ขายตรง แทบไม่มีใครอยากจะพูดคุยกับเรา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะว่า ไม่มีใครตื่นเต้นกับธุรกิจที่ดูเหมือนมีเเต่ความเพ้อฝัน ไม่เห็นเป็นรูปธรรม พวกเขารู้สึกเป็นจริงได้ยาก จากลักษณะของตัวมันเองนี้ทำให้ พวกเขาปฏิเสธกับข้อเสนอของคุณ และยิ่งไปกว่านั้นในความรู้สึกลึกๆของพวกเขาอยากจะบอกกับคุณว่า พวกเขาไม่ได้สนใจเลย กับ แผนธุรกิจ Business plan งี่เง่าเหล่านี้ ไม่มีใครชอบถูกตามตื้อ ไม่มีใครชอบถูกบังคับ ไม่มีใครอยากปฏิเสธอย่างรู้สึกรำคาญ เพียงเพราะว่าคุณไม่สามารถแนะนำให้พวกเขาเห็นความจริงได้ ปัญหาที่มีอยู่นี้ ก็แค่ วิธีการที่ถูกสอนกันมาอย่างผิดๆและล้าสมัยนี่เองรวมถึงประสบการณ์ในอดีตที่พวกเขาต่างได้รับรู้มา พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาเสียเวลากับ การขายที่ไร้สาระอะไรแบบนี้อีกหรอก เพราะมันไม่ได้เพิ่มคุณค่าอะไรให้กับ ชีวิตที่ยุ่งเหยิงที่มีอยู่แล้วของพวกเขาเลย ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้พวกเขาสนใจคุณจะต้องแสดงให้พวกเขาเห็นมากกว่านั้น เพราะ ในใจของพวกเขาโอกาสทางธุรกิจของคุณไม่ได้เป็นสิ่งที่พิเศษเลย มีธุรกิจเครือข่ายที่มี ข้อเสนอแผนรายได้แบบนี้อีกมากมาย แน่นอนสิ่งสำคัญเราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการตลาดเเละการขาย
แต่การขายที่คุณเข้าใจจากที่ได้เรียนมาจากบริษัทกับที่ผมจะพูดถึงมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ขอถามคุณว่าอะไรเป็นสาเหตุให้การขายนี้ถึงลำบากนัก? หรือ อะไรทำให้รู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน?
เป็นเพราะว่า
มันเป็นการชักชวนคนอื่นให้ยอมรับในสิ่งที่คุณมี แต่เรื่องที่คุณเสนอนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการจริงๆ
จริงไหมครับ
..
แล้วถ้าเป็นในกรณี....ที่เป็นเรื่องที่พวกเขามีความต้องการอยู่แล้วหล่ะ หรือว่า พวกเขากำลังมองหาอะไรสักอย่าง และบังเอิญสิ่งนั้นที่พวกเขากำลังมองหา
.คุณได้มีอยู่แล้วล่ะ?
ดังนั้น รูปแบบการขายทั้งสองแบบนี้ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคุณไม่ได้ตามตื้อเขา แต่คุณกำลังสอนเขา และนี้เป็นความลับเล็กน้อยๆ ที่ผู้นำธุรกิจเขาทำกัน
. พวกเขาไม่ได้ขายโอกาสทางธุรกิจ
ทำไมล่ะ?
เพราะพวกเขารู้ว่า สิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทั้งหลาย กำลังค้นหา?
และความเป็นจริงแล้ว โอกาสทางธุรกิจของคุณ กลับกลาย เป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาต้องการจะขาย(ออฟไลน์)
ในกรณีที่คุณต้องการสร้างเครือข่ายพ่อค้าเเม่ค้าหรือ เเฟรนไชส์
นี่ไม่ใช่การเล่นสำนวนนะครับ แต่เป็นเรื่องจริงจังเสียด้วย
หนทางแห่งความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายนั้น ที่บรรดา Guru ทั้งหลายทำเงินได้อย่างมากมายในแต่ละเดือนนั้นซึ่งมากกว่าคนส่วนใหญ่ทำงานตลอดทั้งปีเสียอีก กับเพียงแค่พวกเขา นำโอกาสทางธุรกิจเก็บไว้เป็นสิ่งสุดท้ายและก็ลืมไปเลยเหมือนไม่มีมันอยู่ แต่ในขณะที่คนส่วนใหญ่ กลับเสนอโอกาสทางธุรกิจมาเป็นสิ่งแรก
และผมก็ไม่ได้หมายถึง การขายปลีกสินค้าของบริษัทด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่สนใจทั้งสินค้า และโอกาสทางธุรกิจเลย
มันเป็นสิ่งอื่นที่พวกเขาเสนอ เพื่อที่จะทำการสร้างธุรกิจของเขา และคุณก็อาจไม่เคยได้ยินหรือมีใครบอกกับคุณเรื่องนี้เลย แม้กระทั้ง จากบริษัท ที่คุณทำอยู่ด้วย หรือ แม้แต่ Up line ของคุณ
หลังจากผมที่ผมต้องเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นต่างๆในธุรกิจนี้มานาน ผมได้ตระหนักถึงว่าผมควรจะ ศึกษาความรู้จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากคอร์ส อบรมของบริษัท
สุดท้ายผมค้นพบว่า
1.GURU เหล่านั้น พวกเขาจะสนใจเฉพาะคนที่กำลังค้นหาในสิ่งที่เขามีอยู่แล้วเท่านั้น
2.พวกเขาเข้าใจว่า อะไรเป็นสิ่งที่ผู้คนเหล่านั้นต้องการอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่แรก พวกเขายื่นข้อเสนอมากกว่าโอกาสทางธุรกิจ เพราะโอกาสทางธุรกิจนี้เป็นเพียงแค่ จิ๊กซอตัวหนึ่งเท่านั้น แต่พวกเขาเสนอบางสิ่งบางอย่างให้กับลูกค้าของเขาด้วยสิ่งที่มีมูลค่ายิ่งใหญ่กว่า และจัดเตรียมสิ่งที่บริษัทไม่เคยจะจัดเตรียมไว้ให้สมาชิกเลย
3.พวกเขาศึกษาหลักการขายและเทคนิคการตลาด จากแหล่งข้อมูลอื่นที่ไม่ใช่เฉพาะจากบริษัทที่พวกเขาสังกัดอยู่ และสิ่งต่างๆที่ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จนั้น กลับไม่ได้ถูกสอนไว้ในบริษัทธุรกิจเครือข่ายใดๆเลย
4.พวกเขาลงทุนให้กับ ลูกค้าของเขาก่อน ก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยถึงเรื่องเงินหรือข้อตกลงใดๆทางธุรกิจ ซึ่งวิธีการนี้อาจดูคล้ายจะล้าสมัย แต่ทว่า มันเป็นสูตรที่นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จใช้กันเพื่อสร้างกำไรมากมายให้กับบริษัทของพวกเขา
5.พวกเขาได้ให้ระบบการตลาดที่แท้จริงกับคนอื่นๆเพื่อสร้างธุรกิจเหล่านั้น พวกเขาบอกกับลูกค้าของเขาว่า อย่างไร แทนที่จะ เป็นคำว่า อะไร และจากสิ่งที่พวกเขาทำไปทั้งหมดนี้ สมาชิกหรือลูกค้าของเขาจะกลายเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าพนักงานเร่ขายสินค้า
พวกเขาทำให้คนเหล่านั่นแตกต่างจากคนอื่นๆ
จากเรื่องทั้งหมดนี้ บอกเราว่า
อย่ากลัวกับการคิดนอกกรอบ เพราะเมื่อคุณแตกต่างแล้ว การแตกต่างนี้ จะเป็นการตัดสินใจทางการตลาดที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้
ป.ล. หวังอย่างยิ่งว่า ความรู้จากบทความในจดหมายนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณและนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณ ผมมั่นใจว่า เมื่อคุณนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณ คุณจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างมาก ถ้าคุณอยากเป็น ดาวจรัสแสง แห่งฟากฟ้า การตลาด
|